ลูกค้าแต่ละคนมีความสำคัญไม่เท่ากัน BentoWeb จึงช่วยคุณแบ่งลูกค้าออกเป็น 4 กลุ่ม โดยใช้ ค่าเฉลี่ยจากพฤติกรรมการสั่งซื้อของลูกค้าทั้งหมดภายในร้าน

ภาพรวมของร้านค้า

ในส่วนแรกจะเป็น สรุปพฤติกรรมของลูกค้าในร้านตั้งแต่เปิดร้าน โดยจะแบ่งออกตามหัวข้อดังนี้



ลูกค้าทั้งหมด (คน) - จำนวนลูกค้าทั้งหมดที่เคยสั่งซื้อและทำการชำระเงินของทางร้าน ข้อมูลในส่วนนี้จะรวมถึง Guest
สั่งซื้อ 3 เดือนล่าสุด (คน) - จำนวนของลูกค้าที่มีการสั่งซื้อและทำการชำระเงินของทางร้าน ภายในช่วงเวลา 3 เดือน ที่ผ่านมา
รายได้เฉลี่ยต่อลูกค้า (฿) - เป็นยอดเงินโดยเฉลี่ยต่อ 1 ออเดอร์ของลูกค้า 1 คนที่ใช้จ่ายบนร้านค้า
เฉลี่ยจำนวนครั้งที่ซื้อ (ครั้ง) - ยอดเฉลี่ยจำนวนครั้งของการสั่งซื้อต่อ ลูกค้า 1 คน

ตารางแบ่งกลุ่มของลูกค้า

ในช่วงเวลาที่กำหนดหาก : ลูกค้าคนไหนมีจำนวนครั้งในการสั่งซื้อ มากกว่าค่าเฉลี่ย จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มด้านขวา คือ VIP และ ACTIVE
ลูกค้าคนไหนมีมูลค่าการสั่งซื้อ มากกว่าค่าเฉลี่ย จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มด้านบน คือ HIGH SPENDER และ VIP


VIP - หากลูกค้าท่านไหนมี จำนวนครั้งและมูลค่าการสั่งซื้อ มากกว่าค่าเฉลี่ยของลูกค้าทั้งหมดในร้าน เราจะถือว่าลูกค้าท่านนั้นเป็น VIP ของคุณ ลูกค้ากลุ่มนี้เป็นลูกค้าที่สั่งซื้อกับคุณบ่อยและมียอดใช้จ่ายที่สูงกว่าลูกค้าคนอื่น ๆ คุณจึงจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ไว้
HIGH SPENDER - หากลูกค้าท่านไหนมียอดใช้จ่ายที่สูงกว่าคนอื่น ๆ แต่ไม่ได้สั่งซื้อบ่อยครั้ง เราจะเรียกกลุ่มนี้ว่า HIGH SPENDER ลูกค้ากลุ่มนี้กระเป๋าหนัก คุณควรจะใช้ Content หรือ ออกแบบการสื่อสารเพื่อกระตุ้นให้พวกเค้า กลับมาสั่งซื้อให้บ่อยครั้งขึ้น
ACTIVE - ลูกค้าในกลุ่ม Active จะสั่งซื้อสินค้าบ่อยกว่าลูกค้าทั่วไป แต่มียอดใช้จ่ายที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยมากลูกค้าในกลุ่มนี้จะเป็นลูกค้าใหม่ พยายามทำให้เกิดการสั่งซื้อซ้ำ เพื่อดันให้พวกเค้าเป็น VIP ให้ได้
LOW ACTIVITY - ลูกค้าในกลุ่มนี้มี จำนวนครั้งและมูลค่าการสั่งซื้อ ที่ต่ำกว่าลูกค้าคนอื่นๆ พยายามจัดเวลาคอยสังเกตและพูดคุยกับลูกค้ากลุ่มนี้บ้าง เพราะเราจะได้ทราบว่า เราควรจะปรับปรุงการให้บริการของเราอย่างไร และ ลูกค้าที่เราได้มาจากแคมเปญการตลาดในแต่ละช่วง เป็นลูกค้าที่มีมูลค่าต่ำหรือไม่ แล้วเราควรจะเปลี่ยน Target group หรือเปล่า

อัปเดตเมื่อ: 06/12/2019